เชฟเชื่อเลยว่าหลาย ๆ คนในที่นี้ยังไม่รู้จัก “ปลารมควัน” อาจจะรู้จักแต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรกับปลารมควัน ลองไปถามบรรดาเพื่อน ๆ ดูสิครับ เขาจะตอบว่ายังไงกันบ้าง ?
“อืม เคยเห็นแต่ไม่เคยกิน”
“มันเป็นยังไง ?”
หรืออาจจะ “เอ้ยไม่นะ ไส้กรอกรมควันหรือเปล่า ?”
ใช่แล้วครับเหล่านี้จะเป็นคำตอบของคนที่ไม่คุ้นเคยกับปลารมควัน
“การรมควัน” ที่พูดถึงอยู่เนี่ย เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการถนอมอาหาร ที่มีจุดเริ่มต้นมานานแล้วตั้งแต่สมัยโบราณนู่นเลย ซึ่งทางหลักฐานเชื่อกันว่ามนุษย์ในสมัยก่อนได้ค้นพบการรมควันด้วยความบังเอิญ เมื่อล่าสัตว์มาได้ มนุษย์โบราณได้แขวนเนื้อหรือปลาไว้ใกล้กองไฟ ซึ่งความบังเอิญนี้ เมื่อเนื้อ และปลาได้รับไอร้อน และมีกลิ่นควันที่แทรกซึมเข้าไปในรสสัมผัสของเนื้อ พวกเขาก็ค้นพบว่า วิธีนี้แหละ จะทำให้อาหารของเรามีรสชาติที่ดีขึ้น และทำให้อาหารนั้นสามารถเก็บได้นานขึ้นอีกด้วย
การถนอมอาหารรูปแบบนี้เพื่อคงกลิ่นอาหารไม่ให้มีกลิ่นเหม็นหืน และช่วยฆ่าแบคทีเรียได้ด้วยนะครับ ซึ่งในประเทศไทย หลายคนก็รู้จักการรมควันจาก ไส้กรอกรมควันนี่แหละ จะมีลักษณะพิเศษกว่าไส้กรอกอื่น ๆ ที่มีเนื้อสัมผัสเหนียว เหมือนเคลือบด้วยหนัง ๆ เชฟจึงอยากจะพาคุณผู้อ่านมารู้จักกับ “ปลารมควัน” ที่เป็นผลิตภัณฑ์ชูโรงของเรา ให้ลึกซึ้งงงง พอที่จะอินกันซักหน่อย
อย่างที่บอกไปนะครับ ผลิตภัณฑ์ของเราเป็น “ปลารมควัน” การรังสรรรสชาติจึงต้องแตกต่าง และไม่เหมือนใคร เชฟใช้ “ไม้บีช” หรือ Beech wood ในการรมควันกับเนื้อปลาชนิดต่าง ๆ ซึ่งกลิ่นแต่ละกลิ่นจากปลาแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน อิงจากกลิ่นเดิมของปลาชนิดนั้น ๆ เช่น แซลมอน โดยปกติกลิ่นจะมีความทะเลมาก เนื้อมีความมัน หอมน้ำมันปลา เนื่องจากอยู่ในน้ำทะเลลึก ส่วนปลาทูน่าจะมีกลิ่นที่หอมกว่าแซลมอน แต่จะมีกลิ่นน้ำมันน้อยกว่า นั่นแหละครับ คือ “เสน่ห์ของปลารมควัน” นอกจากกลิ่นนะ ด้วยความมีสีออกเหลืองทองอร่ามเจือนิด ๆ ก็ชวนรับประทาน และดูพรีเมี่ยมเหลือเกิน
Captain hook’s Smokehouse ได้เลือกนำเอาการรมควันมา 2 แบบด้วยกันครับ คือ รมควันเย็นและรมควันร้อน เพราะเป็นรูปแบบที่เราคิดว่า มัน Basic แต่ความ Basic นี่แหละ จะทำยังไงให้มันพิเศษ มันท้าทายครับ
การรมควันแบบเย็น เชฟจะนำปลาส่วนที่ต้องการรมควัน ซึ่งใช้เนื้อปลาส่วนลำตัว โดยตัดส่วนหัวและหางออก คลุกเคล้าส่วนผสมพิเศษที่เป็นสูตรลับของเชฟ และนำมาปรุงรสและหมักด้วยกระบวนการที่พิเศษยิ่งก่าเป็นเวลา 48 ชั่วโมง จากนั้นนำไปแช่เย็น ในขั้นตอนการรมควันแบบเย็นจะใช้อุณภูมิระหว่าง 20-30 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 6-12 ชั่วโมง จะทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมที่เข้าถึงเนื้อปลา ทำให้เนื้อปลาฉ่ำ นุ่ม แทบจะละลายในปากไปเลย
ทริคในการรับประทานปลารมควันแบบเย็น คนนิยมสไลด์เป็นชิ้นบาง ๆ หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ เพื่อที่จะได้ละเลียดรสเนื้อปลาคลอไปกับไวน์ หรือชิ้นใหญ่เต็มคำ เพื่อถึงรสปลาเป็นเต็ม ๆ ก็ตามความชื่นชอบของแต่ละคน
การรมควันแบบร้อน เชฟใช้สูตรลับพิเศษเช่นเดียวกับการรมควันแบบเย็น แต่ในกระบวนการรมควันแบบร้อน จะวางปลาในเตาอบซึ่งตรงนี้ต้องกระซิบว่า ทำบ่อย ๆ แล้วจะรู้เลยว่าควรวางตรงไหนจะทำให้เนื้อปลามีความอร่อยที่ไม่เหมือนใคร! เนื้อปลาที่ผ่านการรมควันแบบร้อน จะมีกลิ่นการรมควันชัดเจนมากกว่าการรมควันแบบเย็น
ทริคการรมควันแบบร้อน การใช้ปลาที่มีหนัง จะเพิ่มความ Juicy ฉ่ำ ๆ เบา ๆ ก็คือการป้องกันไม่ให้ไขมันไหลออกจากเนื้อปลา ซึ่งนี่ก็เป็นความอร่อยอีกอย่างหนึ่ง จะทำให้คุณผู้อ่านลืมปลารมควันแบบเดิมแน่นอน
ใช่ว่าปลาทุกชนิดจะผ่านการรมควันที่เหมือนกันได้นะครับ เพราะโครงสร้างทางธรรมชาติของปลาแต่ละชนิดแตกต่างกันนะ เหมือนคนนั่นแหละ คนนั้นชอบกลิ่น Floral อีกคนชอบ Fruity ปลาก็ด้วย ไขมันในตัวปลาชนิดนั้น ๆ จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถบอกได้ว่า เราควรจะรมควันพวกเขาด้วยวิธีไหนจะเริ่ดที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนเราก็ชอบหลายกลิ่นได้ ปลาบางชนิดก็เลยใช้วิธีการรมควันได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น อาทิเช่น ปลาแซลมอน จากมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ไม่ว่าเจ้าแซลมอน เจ้าทูน่า เจ้ากระโทงดาบ จะมีวิธีการรมควันที่แตกต่าง แต่สุดท้าย ผลลัพธ์ก็คือ “ความอร่อย” เพราะเชฟพยายามประณีตทุกขั้นตอน เพื่อเสิร์ฟให้ทุกคนได้ลิ้มอย่าง “ยอดรส” เลยล่ะครับ
ช่วงขายของ
ผลิตภัณฑ์ปลารมควันยอดฮิตจากเชฟใช้วิธีรมควันแบบไหนบ้าง ?
ปลาแซลมอน ที่บอกไป สามารถรมควันได้ทั้งแบบร้อน และรมควันแบบเย็น หากคุณเป็น Salmon lover ผมรับรองว่า คุณจะหารสชาติแบบนี้ที่ไหนไม่ได้อีกแน่ ๆ และนั่นจะทำให้คุณต้องประทับใจการรมควันทั้งสองแบบแน่นอน
ปลาทูน่า ปลาฮาลิบัต ปลากระโทงดาบ เชฟเลือกใช้การรมควันแบบเย็นเพราะเชฟอยากให้เนื้อปลาที่มีความมันน้อย ๆ แบบนี้ ได้เผยสัมผัสนุ่ม ๆ ให้คุณได้ชิม
ปลาแมคเคอเรล ปลาเรนโบว์เทราต์ที่ใช้การรมควันแบบร้อน เพื่อให้เนื้อปลามีความฉ่ำที่สุดไปเลย
คุณผู้อ่านก็ต่างรู้กันดีว่า เนื้อปลาอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะโปรตีน โอเมก้า 3 และ DHA ที่ให้ประโยชน์ต่อระบบหัวใจ หลอดเลือด สมอง และการเจริญเติบโตของร่างกาย เนื้อปลารมควันยังมีวิตามิน D ที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งยังเป็นแหล่งรวมของวิตามินบีหลายชนิด เช่น วิตามินบี 12 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 และยังอุดมไปด้วยทริปโตเฟน ที่สามารถช่วยให้นอนหลับได้อย่างง่ายดายแล้ว ปลายังมีแคลอรี่ต่ำ ทานได้ไม่อ้วนอีกด้วย ตรงคอนเซ็ปของคนชอบกิน ที่รักการดูแลรูปร่างจริง ๆ เลยคุณครับ เย็นนี้ต้องจัดไปเลย ปลารมควันคุณภาพพรีเมี่ยมจาก Captain Hook’s Smokehouse ครับ